5 เพลง เปลี่ยนชีวิต “กบ Big Ass”

5 เพลง เปลี่ยนชีวิต "กบ Big Ass"

นี่คือ 5 เพลงจาก Playlist ‘เปลี่ยนชีวิต’ ของ “กบ Big Ass” (ขจรเดช พรหมรักษา) มือกลองแห่งวงร็อกแถวหน้า “Big Ass” ที่ได้เลือกมานำเสนอ ถึงบทเพลงที่เชื่อมไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หากไม่มีเพลงเหล่านี้นั้น เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่เขาเดินอย่างวันนี้

1. เรามันก็คน – ไมโคร

สำหรับเพลงแรกที่พี่กบได้เลือกมาในเพลย์ลิสต์คือเพลง “เรามันก็คน” ของวง “ไมโคร” ที่อยู่ในอัลบั้ม “เต็มถัง” (2532)

โดยสาเหตุที่พี่กบได้เลือกเพลงนี้ขึ้นมา เพราะเป็นเพลงที่ทำให้ได้เริ่มหัดตีกลอง ด้วยเหตุผลที่ว่า

ย้อนไปเมื่อสมัยมัธยมตอนเรียนอยู่ที่อุดรธานี พี่กบได้ฝึกการเล่นดนตรีมาก่อนหน้า เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เริ่มฝึกคือกีตาร์ แต่คุณพ่ออยากให้ทำงานไปรษณีย์ จึงส่งไปเรียน ปวช. โดยให้เงินเดือนที่เดือนละ 600 บาท ตกเฉลี่ยวันละ 20 บาท โดยที่สิ่งแรกที่พี่กบทำเมื่อได้เข้ามาเรียน คือการหาเพื่อนและตั้งวงดนตรีร่วมกัน และนัดกันเพื่อไปซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อม แถว ๆ หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยในวงนั้น มีมือกีต้าร์ 2 คน มือเบส 1 คน และมือกลอง 1 คน

หลังจากนัดการซ้อมดนตรีครั้งแรก ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อนัดซ้อมดนตรีครั้งที่ 2 ไปถึงห้องซ้อมแล้ว แต่มือกลองไม่ได้มา จนไปถึงการนัดซ้อมดนตรีครั้งที่ 3 มือกลองก็ไม่ได้มาอีกครั้ง พี่กบเสียดายเงินที่เช่าห้องซ้อมไว้แล้ว รวมกับความอยากเล่นดนตรี จึงเริ่มหัดตีกลองในตอนนั้นทันที ซึ่งในวันนั้น นัดซ้อมกัน 2 เพลง คือ เพลง “เรามันก็คน” และเพลง “ต้องดีกว่าเก่า” ของตั๊ม สมประสงค์ เมื่อจบการซ้อมครั้งนั้น ออกมาจากห้องซ้อม เจ้าของห้องซ้อมจึงถามว่าใครเป็นมือกลอง และได้ชมว่าตีกลองได้ดี หลังจากนั้นจึงผันเปลี่ยนจากการเล่นกีตาร์ ไปเป็นมือกลอง

พี่กบได้เล่าอีกว่า สิ่งที่ได้จากกลองคือการได้อยู่เบื้องหลัง ได้มองเห็นสายตาของคนดูที่มองขึ้นมาหานักดนตรี เหมือนการอยู่หลังสุด และสามารถมองไปข้างหน้าได้

2. ทะเลคน – สุรสีห์ อิทธิกุล

เพลงที่ 2 ของ Playlist “ทะเลคน” ของ “สุรสีห์ อิทธิกุล” จากอัลบั้มชุดที่ 2 “คนดนตรี” (2533)

หลังจากการได้เป็นมือกลองแล้ว เมื่อได้ฟังเพลงเพลงหนึ่งที่ทำให้อยากแต่งเพลง อยากเขียนเนื้อร้องที่สามารถสื่อสารให้เห็นเป็นภาพ และให้เข้าใจถึงความรู้สึก โดยเพลงที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีคือเพลง “ทะเลคน” เมื่อพี่กบฟังจบเพลงแล้ว มีความรู้สึกตะลึง อุทานออกมาว่า “โห ! พี่เขียนได้ยังไง” ซึ่งเพลงนี้เปรียบเป็นปรัชญาแห่งชีวิต ในเนื้อเพลงได้เล่าถึงคนที่อยู่บนเรือกลางทะเล อยากกลับไปยังฝั่ง แต่เมื่อกลับมาถึงแผ่นดินแล้ว ทำให้ได้เจอคลื่นคน ที่รุนแรงกว่าคลื่นในทะเล

พี่กบได้เสริมว่า เพลงนี้เป็นเพลงแม่ของเพลง “คราม” ที่ได้แต่งให้กับวง “Bodyslam” ซึ่งใช้เวลาเขียนเพลงนี้นานถึง 3 เดือน เพราะพยายามเขียนเนื้อเพลงเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจว่า “คราม” เป็นอย่างไร

3. ชีวิตนี้ของใคร – Butterfly (Ost. ภาพยนตร์ วัยระเริง)

เพลงที่ 3 “ชีวิตนี้ของใคร” จากวง “Butterfly” ซึ่งขับร้องโดยสุรสีห์ อิทธิกุล เช่นเดียวกับเพลงที่สอง โดยเพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “วัยระเริง” (2527)

เมื่อพี่กบได้เรียนจบ ปวช. 3 ก็ได้พยายามเรียนปริญญาตรีหลายที่ หนึ่งในนั้นคือการเรียนนิเทศศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม แต่ยังไม่สำเร็จ จึงกลับเข้าไปศึกษาหลักสูตร โรงเรียนการไปรษณีย์ ตามความต้องการของคุณพ่อ เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ไปทำงานที่ที่ทำการไปรษณีย์สามเสนใน ซึ่งในเวลานั้น ที่ทำการไปรษณีย์สามเสนใน เป็นสาขาที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด โดยหน้าที่ของพี่กบคือการนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อทำการขายแสตมป์

โดยที่ตารางชีวิตของพี่กบในช่วงนั้นคือ เริ่มต้นทำงานที่ไปรษณีย์ตอน 7 โมงเช้า เลิกบ่ายโมง เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตกกลางคืน ไปร้องเพลงต่อ จนผ่านไปเรื่อย ๆ เมื่อวง ‘Big Ass’ เริ่มเข้มข้นขึ้น ใกล้จะเข้าสู่การเซ็นสัญญาการเป็นศิลปินกับค่ายเพลง แต่การทำหน้าที่กับไปรษณีย์เริ่มเหลวแหลก ในสมัยก่อนจะมีการส่งธนาณัติ ซึ่งเป็นเหมือนการโอนเงิน โดยเมื่อส่งธนาณัติไปแล้ว ประมาณ 2-3 วัน ปลายทางจะสามารถรับเงินจากต้นทางได้ เกิดความเบลอในการทำงาน มีผู้ใช้บริการส่งธนาณัติ 300 บาท แล้วเขียนลงไปเป็น 3,000 บาท จึงต้องควักเงินเดือนมาจ่าย จนกระทั่งมีครั้งที่มีผู้ส่ง 500 บาท แต่เขียนลงไปเป็น 5,000 บาท จึงเริ่มอยากหยุดอาชีพนี้ ได้มีการไปปรึกษา “เอก – ธเนศ วรากุลนุเคราะห์” ซึ่งพี่เอกให้คำตอบว่า “พี่เชื่อว่าถ้าลาออกน่าจะได้เยอะกว่านี้นะ”

จึงทำให้พี่กบตัดสินใจลาออกในวันถัดไป หลังจากทำงานเสร็จในวันนั้น เพลงนี้จึงเป็นเพลงประกอบชีวิตในวันนั้น

พี่กบได้เล่าเสริมอีกว่า เพลงนี้เป็นเพลงพ่อของเพลง “ชีวิตเป็นของเรา” ของวง Bodyslam ซึ่งมีไอเดียที่ว่า เพลง “ชีวิตเป็นของใคร” เหมือนเป็นเพลงที่ตั้งคำถาม แต่เพลง “ชีวิตเป็นของเรา” เป็นเพลงที่กำหนดคำตอบให้ ซึ่งคงจะดีถ้ามีไอดอลร้องเพลงแบบนี้ให้เราฟัง

4. ความรัก – Bodyslam

เพลงที่ 4 ของ Playlist คือ “ความรัก” จากวง “Bodyslam” ที่อยู่ในอัลบั้มที่ 5 “คราม” (2553) ซึ่งเป็นเพลงที่พี่กบได้ร่วมแต่งเนื้อเพลงให้กับทางวง ในบทบาท “Mango Team”

เพลงนี้พี่กบเคยได้อ่านคอลัมน์ของพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ (เป็นผู้ผลักดัน Project Event ครั้งนี้ด้วย) “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” ในมติชนสุดสัปดาห์ ได้อ่านเรื่องที่เขียนถึงนักธุรกิจท่านหนึ่ง ที่เขียนไว้ว่า “ที่ดินน่ะ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง ถ้าซื้อมาแล้ว ที่แปลงนั้นสวยเสมอ” จึงได้ไอเดียในการแปลงประโยคทองนี้ในเรื่องของความรัก ว่า “ความรัก ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน ความรักนั้นยังคงสวยงามเสมอ” ซึ่งนักธุรกิจที่พี่ตุ้มเขียนถึงคือ คุณ “อนันต์ อัศวโภคิน” แห่ง Land & Houses 

5. เขียนถึงคนบนฟ้า – พิง ลำพระเพลิง

เพลงสุดท้ายใน Playlist นี้ คือเพลง “เขียนถึงคนบนฟ้า” ของ “พิง ลำพระเพลิง” เพลงประกอบภาพยนตร์ “โคตรรักเอ็งเลย” เมื่อปี 2549 ที่พี่พิงยังเป็นทั้งผู้กำกับเรื่องนี้ และเป็นผู้ถ่ายทอดเพลงนี้ด้วยตัวเอง

พี่กบได้บรรยายถึงเพลงนี้ไว้ว่า “คนที่กำเนิดทุกอย่างคือพ่อ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำตามฝันพ่อ ผมก็ได้ทำตามฝันของผม” ช่วง 4-5 ปีที่แล้ว พ่อของพี่กบเสียชีวิต พี่กบมีความรู้สึกไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว และได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราทำมาเพื่ออะไร จึงได้คำตอบว่า ทำมาเพื่อพิสูจน์ให้พ่อเห็น จึงทำให้ทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้ จะนึกถึงคุณพ่อในทุก ๆ ครั้ง

ทั้งหมดนี้ คือ 5 เพลงเปลี่ยนชีวิตของพี่กบ – ขจรเดช พรมรักษา ตั้งแต่การเริ่มหัดกลอง การเขียนเนื้อร้อง และการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ จาก “Wednesday Song Vol.2” ใน Part ของ กบ Big Ass เมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ (KBank Siam Pic-Ganesha)

Concept ของ “Wednesday Song” เริ่มต้นจาก พี่ตุ้ม-สรกล อดุลยานนท์ (หนุ่มเมืองจันท์) และ เอก-ชยานันต์ เทพวนินกร (ผู้ร่วมก่อตั้งโรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ) กับ Concept Idea “100 นาทีแห่งความสุข” ซึ่งจะมีการจัด Event พิเศษแบบนี้ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเณศ ในวันพุธ ที่ตั้งเป้าว่าจะจัดเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งจะมี 2 ช่วงการแสดงด้วยกัน

โดยช่วงแรกจะเป็นการเชิญศิลปิน หรือคนในแวดวงบันเทิง มาจัด Playlist ของตัวเอง ที่มีเรื่องราวอยู่ในนั้น เป็นการปูก่อนจะไปในช่วงที่เป็นช่วงในการแสดงดนตรีของศิลปินต่าง ๆ

ในครั้งนี้ ศิลปินที่มาจัดเพลย์ลิสต์ในช่วงแรกคือ “กบ Big Ass” (ขจรเดช พรมรักษา) และได้ถูกถ่ายทอดบทเพลงโดย “แตงโม” และ “แบงค์” จากเวที The Voice Thailand และในช่วงที่ 2 ศิลปินที่ได้ทำการแสดงดนตรีคือวง “Potato” ศิลปินที่มีเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “เธอยัง”

สามารถติดตามรายละเอียด “Wednesday Song” ครั้งถัดไป ว่าใครจะเป็นผู้หยิบ Playlist ของตัวเองมานำเสนอ หรือรอลุ้นศิลปินที่จะมาร่วมสร้างความสนุกในช่วงท้ายงาน ได้ที่ Facebook : Wednesday Song